เมนูที่ช่วยเรื่องการขับถ่ายได้ดีที่สุด ถ้าหากพูดประโยคนี้หลายคนต้องนึกถึง โยเกิร์ต กันอย่างแน่นอน แต่อาจยังไม่รู้ว่านอกจากช่วยเรื่องระบบขับถ่ายแล้ว ก็ยังมีผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นเราจะพาไปดูกันว่าโยเกิร์ตมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง พร้อมกับแนะนำวิธีการทำแบบง่าย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าโยเกิร์ตคือหนึ่งในเมนูที่ไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดเลย

โยเกิร์ตมีกี่ประเภท

โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการหมักของนมกับแบคทีเรีย โดยมีจุลินทรีย์ที่ส่งผลดีต่อร่างกาย ทานแล้วอิ่มท้อง เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย โดยตามท้องตลาดจะมีขายโยเกิร์ตรสธรรมชาติ รสผลไม้ และรสชาติอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าแบ่งแยกตามส่วนผสม แต่จริง ๆ แล้วมีการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่

1.โยเกิร์ตแท้
2.กรีกโยเกิร์ต
3.โปรไบโอติกโยเกิร์ต
4.โยเกิร์ตชนิดดื่ม
5.โยเกิร์ตที่ไม่ได้ทำจากนม

ประโยชน์จากโยเกิร์ตมีอะไรบ้าง

สำหรับประโยชน์โยเกิร์ตไม่ได้ส่งผลแค่กับผู้หญิงเท่านั้น แต่ก็ยังมีผลกับผู้ชายอีกด้วย เพราะมีแหล่งโปรตีนจำนวนมาก ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายได้ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องหรือท้องเสีย ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีมากขึ้น อีกทั้งยังมีประโยชน์ด้านความงาม ถ้าหากนำมามาส์กหน้าจะทำให้ผิวพรรณดูสดใส

โยเกิร์ตช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นอย่างไร

โยเกิร์ตช่วยอะไรบ้างเป็นสิ่งที่คนอยากรู้เยอะมาก หนึ่งในเรื่องที่โดดเด่นที่สุดก็คือ การช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะมีโพรไบโอติกส์ซึ่งส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย คำถามที่ตามมาก็คือแล้วโยเกิร์ตควรกินตอนไหนดีที่สุด ถ้าหากอยากให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรกินในช่วงเช้า หรือก่อนนอน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายจะดูดซึมได้ดี ตื่นเช้ามาก็ขับถ่ายได้ดีขึ้น

วิธีทำโยเกิร์ตเองที่บ้าน

วัตถุดิบ

-โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ
-นมโคแท้ 500 มิลลิลิตร

วิธีการทำ

1.ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน หลังจากนั้นให้เทนมสดลงไปอุ่น โดยให้คนไปประมาณ 5 นาที และเทใส่ภาชนะเอาไว้
2.ตักโยเกิร์ตใส่ลงไปในนมที่ต้มแล้ว ทิ้งเอาไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 12 ชั่วโมง พอครบเวลาก็นำไปแช่ตู้เย็นพร้อมกินได้เลย

วิธีทำโยเกิร์ตพร้อมดื่ม

วัตถุดิบ

-นมสดออร์แกนิก 1 ลิตร
-หัวเชื้อโยเกิร์ต

วิธีการทำ

1.เริ่มจากการต้มนมในอุณหภูมิ 80 องศา หลังจากนั้นให้ลดอุณหภูมิลดมาครึ่งนึง เหลือประมาณ 40 องศา
2.เมื่อได้อุณหภูมิที่ต้องการแล้วให้ใส่หัวเชื้อที่เตรียมเอาไว้ลงไป ในปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะต่อนม 1 ลิตร
3.คนสวนผสมให้เข้ากัน ตักแบ่งใส่ภาชนะที่สามารถปิดได้บ่มเอาไว้ประมาณ 9 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้นำไปแช่เย็นเอาไว้ 2 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ก็ได้ Yogurt แบบพร้อมดื่มแล้ว

วิธีทำเมนูเค้กโยเกิร์ต

วัตถุดิบ

-โยเกิร์ต 500 กรัม
-นมข้นหวาน 300 กรัม
-ผลไม้ตามที่ต้องการ
-น้ำผึ้ง
-เนยจืด

วิธีการทำ

1.นำโยเกิร์ตกับนมข้นหวานผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นให้ทาเนยในภาชนะที่จะใช้ทำ และนำไปนึ่งด้วยไฟอ่อนประมาณ 20 นาทีจนกว่าจะเริ่มเซ็ตตัว
2.หลังจากทำเสร็จแล้วให้นำไปพักไว้ในตู้เย็น และนำออกมาตกแต่งด้วยผลไม้ ราดหน้าบนด้วยน้ำผึ้ง เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

วิธีทำสมูทตี้โยเกิร์ตผลไม้

วัตถุดิบ

-สตรอว์เบอร์รี ครึ่งถ้วย (หรือผลไม้ตามที่ต้องการ)
-น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ
-นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำแข็ง 1 แก้ว
-โยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

1.เตรียมเครื่องปั่นให้พร้อมใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ที่เตรียมเอาไว้ลงไป
2.หลังจากนั้นรอจนกว่าจะปั่นละเอียด ชิมรสชาติ ปรุงรสชาติเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ

บทส่งท้าย

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถรับประทานโยเกิร์ตกันได้ทั้งนั้น เพราะมีส่วนสำคัญช่วยเรื่องระบบขับถ่าย แต่ว่าต้องทำความเข้าใจก่อนด้วยการกินโยเกิร์ตทุกวันอาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น โรคเบาหวาน ดังนั้นควรจะกินในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าหากเบื่อการกินแบบปกติสามารถนำไปทำเป็นเมนูต่าง ๆ แช่เย็นเอาไว้ได้
โดยวิธีการเก็บรักษาก็ง่ายมาก แค่เลือกใช้ถุงสุญญากาศของ SUMIRE จัดเก็บเมนูที่ทำเรียบร้อยแล้ว ถุงตัวนี้จะช่วยกักเก็บอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องห่วงว่าจะเสีย เพราะถุงมีความหนามากพอ และเป็นถุงที่ผลิตจากวัสดุปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายผู้กิน สร้างความสะดวกสบายสำหรับคนที่ชอบทำทีเดียวเยอะ ๆ ก็สามารถเก็บใส่ถุงสุญญากาศเอาไว้กินวันอื่นได้ด้วย

ที่มาบทความ https://sumirethailand.com/