|
Home | Directory | แนะนำสปา | บทความสปา | องค์ความรู้-วัดโพธิ์ | วิธีนวด | สมุนไพร | สูตรลับ | โยคะ | ข่าว | เรียน-สอน-ฟรี | About Us |
สอบถามเรื่อง การซื้อยาแก้หอบหืด | |
Nunthida | อยากสอบถามว่า |
ผู้ตั้งกระทู้ Nunthida (nunthida_c-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-12-18 13:51:01 IP : 27.130.73.39 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3277133) | |
Admin | เรียน คุณ Nunthida YesSpaThailand.com ขอขอบคุณท่านที่ให้ความสนใจในการสอบถามปัญหาต่าง ๆ และสำหรับคำถามที่ท่านสอบถามมาว่า "อยากสอบถามเรื่องการซื้อยาแก้หอบหืดว่าจะไปซื้อได้ที่ไหน และราคาเท่าไหร่ คนไข้ต้องมาด้วยไหม" ขอตอบดังนี้นะครับ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคหอบหืดหรือโรคหืด การอักเสบของเยื้อบุหลอดลมส่วนใหญ่มักเป็นแบบเรื้อรัง เกิดเนื่องจากหลอดลม มีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ อย่างรุนแรงมากกว่าปกติ ซึ่งการอักเสบนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและกำเริบเป็นช่วงๆ ผู้ป่วยโรคหืดบางรายอาจมีอาการน้อย แต่บางรายอาจเป็นมากจนอันตรายถึงชีวิตได้ ภาวะที่กระตุ้นให้โรคกำเริบจะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ตัวอย่างภาวะหรือสิ่งที่กระตุ้นให้โรคกำเริบคือ การหายใจเอาสารที่แพ้เข้าไปในหลอดลม ภาวะติดเชื้อโพรงจมูกอักเสบ กลิ่นน้ำหอม ยาฆ่าแมลง กลิ่นอับ กลิ่นท่อไอเสีย กลิ่นบุหรี่ ภาวะอากาศเปลี่ยน การออกกำลังกาย โรคทางเดินอาหารบางโรค ภาวะแพ้สี สารสี สารเคมีต่างๆ และภาวะเครียด สองในสามของผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคหอบหืดจะมีภาวะภูมิแพ้ด้วย แต่ในผู้ใหญ่ส่วนมากจะไม่มีภาวะภูมิแพ้ ผลจากการประเมินอุบัติการณ์ของโรคหอบหืด การวินิจฉัยโรคหอบหืด ในเด็กทั่วไปแล้วจะยากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็กจำนวนไม่น้อย อาจไม่มีอาการหอบหืดหรือหายใจขัด แต่มีอาการไอเป็นชุดๆ มากับหวัดเรื้อรังที่กำเริบเป็นระยะ บางที่อาจไอจนอาเจียน ส่วนมากเกิดขึ้นเวลากลางคืน ส่วนใหญ่ประวัติการเจ็บป่วยของเด็ก จะไม่ค่อยสมบรูณ์ เพราะข้อมูลได้มาจากแม่เด็ก พี่เลี้ยง ครูที่โรงเรียน หรือตัวเด็กเอง อาการสำคัญคือ ไอตอนเช้า กลางคืนตอนดึก ไอเวลาวิ่งเล่นหรือหลังวิ่งเล่น คัดจมูก น้ำมูกไหลร่วมด้วย ในเด็กเล็กที่หอบอาจมีสาเหตุอื่น ที่ไม่ใชโรคหอบหืด เช่นโรคหัวใจ โรคติดเชื้อในปอด สารแปลกปลอม ถั่ว ข้าวโพด ติดในหลอดลม หรือโรคทางเดินอาหารบางชนิด การติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจ เป็นสาเหตุที่ทำให้ โรคหอบหืดกำเริบ ส่วนใหญ่ของเชื้อไวรัส ติดมาจากโรงเรียนหรือที่ชุมชน เด็กจำนวนมากที่แพ้สารต่างๆ เช่น ไรฝุ่น เชื้อรา แมลงสาบ และอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องตรวจให้แน่นอนและชัดเจนว่ามีโรคภูมิแพ้ร่วมด้วยหรือไม่ การรักษาโรคหอบหืดจะต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน
การรักษาอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคหอบหืด ผู้ป่วยส่วนใหญ่หรือแพทย์ส่วนใหญ่จะมองข้ามจุดสำคัญนี้ ทำให้ผลการรักษาไม่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย ผู้ป่วยก็ว่าไม่หายซักที หมอก็ว่าผู้ป่วยไม่รู้เรื่อง ไม่ทำตามที่เนะนำ ผลการรักษาที่ควรเกิดขึ้นมีดังนี้
ยาหลักที่ใช้ในการรักษา 1. ยาต้านการอักเสบ - ยาสเตียรอยด์ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง ในการรักษาโรคหอบหืด สำหรับผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ ยานี้มีทั้งรูปแบบยาเม็ด สำหรับรับประทาน, ยาฉีด และรูปแบบพ่นเข้าหลอดลมโดยตรง ยาในรูปแบบพ่นถือได้ว่า เป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษา ของผู้ป่วยหอบหืดเรื้อรัง และมีความปลอดภัยสูง เพราะปริมาณยาที่ถูกดูดซึมเข้าร่างกายน้อย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่พบผลข้างเคียง รุนแรงใดๆ จากการใช้ยากลุ่มนี้ ส่วนยาในรูปแบบรับประทาน จะใช้เมื่อมีอาการกำเริบรุนแรง หรือไม่สามารถพ่นยาได้ และจะใช้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น คือประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่หากรับประทานติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน อาจพบผลข้างเคียงขึ้นได้ เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง ตาเป็นต้อ กระดูกผุ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และบวมตามที่ต่างๆ ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานและฉีด ไม่ใช่เป็นยาที่ใช้อย่างต่อเนื่อง 2. ยาขยายหลอดลม - ยาประเภทนี้ จะช่วยขยายหรือคลายกล้ามเนื้อรอบๆ หลอดลมที่หดเกร็งตัว 3. ยาพ่นที่เป็นยาผสมระหว่างยาสเตียรอยด์และยาขยายหลอดลม ชนิดที่มีฤทธิ์คงอยู่นาน อยู่ในหลอดเดียวกัน - เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้สะดวกในการใช้ มีฤทธิ์ต้าน และลดการอักเสบ ของเยื่อบุหลอดลม พร้อมกับขยายหลอดลมไปในเวลาเดียวกัน ยาแต่ละชนิดที่ผสมกันอยู่ ยังมีฤทธิ์เสริมกันอีกด้วย ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ ก่อนใช้ยากลุ่มนี้ 4. ยาอื่นๆ เช่น ยาแก้ไอ ขับเสมหะหรือยาที่เรียกว่า ยาเสริมภูมิ (คีโตติเฟน) ไม่มีผลโดยตรง ต่อการต้านการอักเสบของหลอดลมและไม่ใช่ยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคหอบหืด |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2010-12-18 23:14:15 IP : 27.130.166.246 |
[1] |
Copyright © www.YesSpaThailand.com 2010 All Rights Reserved. |
พื้นที่โฆษณา -ลิงก์ผู้สนับสนุน (Advertisement) |