สังคมถามหาความรับผิดชอบ
310 เสียง พรรคเพื่อไทย
พฤติตัวเป็นพนักงานในบริษัท
ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยเหมาเข่ง ที่บรรดา ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร 310 เสียง ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลได้ลงคะแนนผ่านในวาระ 2 และวาระ 3 อย่างเร่งรีบในช่วงกลางดึกตีสี่กว่า โดยเนื้อหาสาระของร่างกฎหมายฉบับนี้เคยถูกท้วงติงและเตือนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะทำให้เกิดความแตกแยก แต่บรรดา ส.ส.ก็กลับเพิกเฉย แม้แต่รัฐบาลฝ่ายบริหารประเทศก็ลอยตัวเหนือปัญหาที่เห็นตรงหน้า ในลักษณะย่ามใจ ส่งผลให้ทุกองคาพยพในสังคมต้องออกมาเคลื่อนไหวแสดงพลังประชามติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เหล่านิสิต นักศึกษา กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และกลุ่มนักวิชาการด้านกฎหมาย เรียกว่าเกือบทุกสาขาอาชีพต่างร่วมใจคัดค้านร่างนิรโทษกรรมแบบพร้อมเพรียงกัน
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
ไม่บ่อยครั้งนักที่พลังสังคมของประเทศขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าร่างนิรโทษกรรมไม่เป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก โดยเฉพาะการลบล้างความผิดที่มักมีการหยิบยกมาพูดเสมอว่าเป็นเพราะการรัฐประหารอันเลวร้าย ตั้งข้อกล่าวหาใส่ร้ายทำลาย โดยไม่ดูไม่พิจารณาเลยหรือว่าต้นตอมาจากการทุจริตคอรัปชั่น การครอบงำสภาแบบเบ็ดเสร็จ การใช้อำนาจไปในทางที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องตนเอง และเมื่อมาถึงวันนี้จะมาลบล้างความผิดให้กลับมาเซ็ตที่จุดเริ่มต้นกันใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้เลยใช่ไหม อีกทั้งคดีความต่างๆ ก็มีที่ตัดสินโดยศาลไปแล้ว เท่ากับระบบนิติรัฐ นิติธรรม ไม่มีความหมาย ดังนั้นการพูดเรื่องความชอบธรรมต้องหยิบทุกด้านอย่าพูดเพียงด้านเดียวเพื่อประโยชน์ฝ่ายตนเท่านั้น
นับเป็นการตัดสินใจของสังคมที่ปรารถนาให้ทุกฝ่ายที่กระทำการลงไปในช่วงเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ความชอบธรรม ยกเว้นกลุ่มประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ไม่ว่าสีเสื้อใดหรือฝ่ายไหนที่ได้รับผลกระทบต้องถูกจองจำคุมขังซึ่งต่อไปคงต้องหาหนทางช่วยเหลือและเชื่อมั่นว่าสังคมไม่ติดใจในส่วนนี้ อย่างไรก็ดี สถานการณ์แม้จะลดความร้อนแรงลงไประดับหนึ่ง รัฐบาลก็ประกาศว่าพร้อมรับการตัดสินใจของวุฒิสภา ส่วนฝ่ายสภาสูงได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาต่อสาธารณชนว่าจะคว่ำร่างนิรโทษเหมาเข่ง แต่หลากหลายกลุ่มที่ออกมารวมพลต่อต้านครั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่เอ่ยไว้ เพราะแม้วุฒิสภาจะคว่ำร่างไปแต่สภาล่างก็สามารถยืนยันร่างเดิมได้ใน 180 วัน
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรที่พลังสังคมส่วนต่างๆ ยังไม่ให้ความเชื่อถือต่อรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติโดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกสั่งการได้ โดยไม่มีวิจารณญาณส่วนตนที่จะคิดตรึกตรองได้ว่าเรื่องใดถูกต้องหรือเรื่องใดผิดทำนองคลองธรรม สภาวะการเมืองก็ยังคงฝุ่นตลบต่อไป พร้อมกับมีเสียงเรียกร้องให้ถอนร่างนิรโทษกลับไป นอกจากนี้สังคมยังได้ถามหาความรับผิดชอบจาก 310 ส.ส.ที่ยกมือโหวตผ่านวาระ 3 กฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าจะสร้างปัญหาให้บ้านเมืองและเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ขัดหลักนิติรัฐ และยังประพฤติตัวเป็นแค่พนักงานในบริษัท มากกว่าจะทำหน้าที่ของผู้แทนประชาชน ดังนั้นเมื่อพลังสังคมออกมาสอนบทเรียนแก่ฝ่ายการเมืองที่เอื้อประโยชน์หวังลบล้างทุจริต ต้องจับตาต่อไปว่าพลังสังคมจะรุกคืบไปสู่การยกระดับอีกขั้นหรือไม่
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
|