|
Home | Directory | แนะนำสปา | บทความสปา | องค์ความรู้-วัดโพธิ์ | วิธีนวด | สมุนไพร | สูตรลับ | โยคะ | ข่าว | เรียน-สอน-ฟรี | About Us |
นิรโทษกรรม-สุดซอยทางตัน-ช่วยหาทางออก | |
นิรโทษกรรม-สุดซอยทางตัน | นิรโทษกรรม-สุดซอยทางตัน-ช่วยหาทางออก
คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย หรือ คปก. เคยท้วงเตือน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย เหมะ ที่นิรโทษทุกฝ่าย ยกเว้นแกนนำ และผู้สั่งการสลายชุมนุม ว่า ร่างดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน เพราะสาระสำคัญมุ่งเน้นเพียงนิรโทษแบบครอบคลุมทั่วไป โดยไม่มีกระบวนการปรองดองหรือพิสูจน์ค้นหาความจริง และไม่มีการนำกระบวนการยุติธรรมปกติมาใช้เพื่อสร้างความยุติธรรมและลดความขัดแย้งอย่างจริงจังเสียก่อน ที่สำคัญยังขาดการมีส่วนร่วมและการตกผลึกจากภาคสังคมอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากการนิรโทษ นั่นขนาดเป็นร่างที่ไม่สุดซอยยังกังวลว่าจะเกิดความรุนแรง แต่การทักท้วงไม่เป็นผล ซ้ำร้ายคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากไปยึดร่างนิรโทษกรรมสุดซอยแบบเหมาเข่ง ยิ่งกระพือความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ......................................................................................................... การเดินหน้านิรโทษเหมาเข่งแบบเร่งรัดให้ผ่านวาระ 2 และวาระ 3 อย่างเร่งด่วน มีนัยแอบแฝงผลประโยชน์ที่สังคมก็เข้าใจได้ไม่ยาก สะท้อนได้จากผลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพลล์ ที่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61 ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่แกนนำและนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง เพราะเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองบางกลุ่มมากกว่าเพื่อความปรองดอง ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงและแกนนำในพรรคเพื่อไทยหลายกลุ่มก็ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง แต่ดูเหมือนว่าพรรคที่ชูประชาธิปไตยโค่นเผด็จการ กลับบีบบังคับ ส.ส.ให้รับมติของพรรค พร้อมทั้งคาดโทษผู้ที่โหวตสวนทางมติพรรคด้วย ความพยายามผลักดันร่างนิรโทษกรรมให้ผ่าน 3 วาระ จึงเป็นเสมือนการเดินสวนทางกับความปรองดองที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเคยเรียกร้องให้สังคมส่วนรวมให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยตอกย้ำด้วยการกระทำเช่นนี้เคยคำนึงถึงสังคมและประเทศหรือไม่ว่าจะเกิดวิกฤติการเมืองรอบใหม่ขึ้นอีก โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารประเทศ ย่อมปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เหตุผลที่อ้างว่าเป็นเรื่องของ ส.ส. เป็นกฎหมายที่เสนอโดยผู้แทนฯ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่มีอำนาจไปยับยั้ง เป็นการพูดลอยตัว ไม่มีผู้นำที่ไหนทำกัน ขณะที่รัฐบาลก็ยังคงท่องคาถามีกลุ่มไม่หวังดีต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อโค่นล้มรัฐบาล โดยที่ไม่ย้อนพิจารณาดูว่า สิ่งที่กระทำถูกต้องหรือไม่ เป็นชนวนเหตุให้เกิดวุ่นวายหรือเปล่า สถานการณ์ที่หลักการต่างๆ ความเป็นธรรมาภิบาล ความถูกต้อง ถูกละเลยเพิกเฉย เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง ในทางตรงข้ามพรรคฝ่ายค้านเองก็ไม่สามารถใช้สภาเป็นที่แก้ไขปัญหาได้ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา ซึ่งอาจมีกลุ่มมวลชนอื่นเข้าร่วมด้วย ทำให้สังคมกังวลว่า นิรโทษสุดซอยกำลังเดินเข้าสู่ทางตัน การเผชิญหน้าและความรุนแรงจะเกิดขึ้นอีก และผลกระทบจะยิ่งร้าวลึกกว่าที่เป็นอยู่ และไม่ต้องการให้ประเทศตกหล่มมากไปกว่านี้แล้ว เมื่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเห็นอยู่ตรงหน้าว่า วิกฤติที่จ่ออยู่ร้ายแรง ทำไมจึงไม่หาทางออกให้ประเทศเพื่อให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ไปให้ได้ โดยยึดความปรองดองเป็นที่ตั้ง ถ้าดันทุรังเดินหน้าจนเกิดความสูญเสียจะไม่มีฝ่ายใดหลุดพ้นความรับผิดชอบได้ และไม่มีฝ่ายใดชนะเช่นกัน ที่มา บทบรรณาธิการ คมชัดลึก ประจำวันที่ 31 ต.ค. 2556
......................................................................................................... |
ผู้ตั้งกระทู้ นิรโทษกรรม-สุดซอยทางตัน :: วันที่ลงประกาศ 2013-11-03 18:22:07 IP : 124.120.212.182 |
Copyright © www.YesSpaThailand.com 2010 All Rights Reserved. |
พื้นที่โฆษณา -ลิงก์ผู้สนับสนุน (Advertisement) |