สังคมไทย-ฟ้อง-สังคมโลก-นิรโทษคอร์รัปชั่น-มีด้วยหรือ ?
การต่อสู้ระหว่างนักการเมืองในรัฐสภาเป็นกระบวนการการต่อรองและห้ำหั่นกันด้วยกลเม็ดเด็ดพรายของตน
แต่การเรียกร้องของคนไทยในสังคมนอกเวทีการเมืองเรื่องเลือกตั้งเป็นเสียงที่มีความสำคัญเกินกว่าที่รัฐบาลจะอ้างว่าเป็น “ฝ่ายตรงกันข้ามที่ต้องการล้มรัฐบาล”
หรืออ้างว่าเป็น “มือที่สาม” ที่ต้องการจะสร้างความปั่นป่วนให้กับบ้านเมืองก็คงฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
กลุ่มประชาสังคมที่ออกมาแสดงจุดยืนไม่รับกฎหมายนิรโทษกรรมเพราะคนฉ้อฉลโกงกินบ้านเมืองจะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจนจากการ “เหมาเข่ง” นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด ๆ
แต่เป็นประชาชนทั่วไปที่มีความห่วงใยต่อบ้านเมือง และกำลังเห็นลางหายนะของสังคมไทยหากมีตัวอย่างชัดเจนว่าเมื่อนักการเมืองกลุ่มใดมีเสียงข้างมาก ก็สามารถจะออกกฎหมายล้างบาปให้กับคนของตนในทุกกรณี ทุกความผิดได้
ความผิดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน, ฉ้อราษฎร์บังหลวง, คอร์รัปชั่นเป็นเรื่องร้ายแรงที่กำลังทำลายสังคมไทย
การกระทำในลักษณะ “อารยะขัดขืน” เพื่อแสดงออกซึ่งจุดยืนทางการเมืองของตนที่แตกต่างไปจากคนอื่นนั้นพอจะเข้าข่ายการให้นิรโทษกรรมได้เพราะเป็นหลักสากลของการสร้างความปรองดองแห่งชาติ
แต่การเผาบ้านเผาเมืองหรือจงใจก่อคดีอาญาโดยแอบอ้างว่าเป็นการ “ชุมนุมทางการเมือง” ย่อมจะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
ที่ยอมให้มีการนิรโทษกรรมไม่ได้เลยคือคอร์รัปชั่นฉ้อฉลโกงกินเงินภาษีประชาชนโดยการใช้ตำแหน่งแห่งหนทางการเมือง หรือกระทำการที่เป็นการ “ทับซ้อนผลประโยชน์” ที่เรียกว่า conflict of interests ด้วยการใช้อำนาจของตนก่อให้ตนหรือพวกตนได้ประโยชน์ทำให้สังคมเสียหาย และสร้างค่านิยมอันตรายต่อเยาวชนของประเทศชาติ
การที่พรรครัฐบาลรวบรัดตัดความผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” ในสภาผู้แทนราษฎรสะท้อนว่าจะยกเลิกคำพิพากษาของศาลต่อคดีคอร์รัปชั่นระดับสูงของชาติ และคดีต่าง ๆ ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเป็นการตบหน้าประชาชนคนไทยอย่างแรง
เป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า Power corrupts. Absolute power corrupts absolutely.
ใครมีอำนาจก็มีแนวโน้มที่จะโกงได้อยู่แล้ว แต่ยิ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จก็ยิ่งจะโกงได้อย่างเด็ดขาด!
ความศรัทธาต่อระบอบรัฐสภาของคนไทยจะสึกกร่อนอย่างหนักหน่วงทันทีหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศเห็นว่าตัวแทนที่เขาเลือกเข้าไปบริหารประเทศ และให้อาณัติในการปกครองบ้านเมืองนั้น เมื่อมีอำนาจแล้วก็หลงเข้าใจผิดคิดว่าจะออกกฎหมายอะไรก็ได้ด้วยการอ้างว่ามีมือมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
การที่กลุ่มประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองเช่นองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และองค์กรภาคธุรกิจการเงินและการลงทุนต้องไปยื่นหนังสือต่อสหประชาชาติและเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ นิรโทษกรรมนั้นแสดงว่าคนไทยหมดความหวังว่าจะให้ผู้มีอำนาจของประเทศฟังเสียงทักท้วงนี้ได้แล้ว จึงต้องหันไปหาที่พึ่งในเวทีระหว่างประเทศ
ถือเป็นความล้มเหลวของระบบการเมืองไทยอย่างน่ารันทดอย่างยิ่ง
โบราณว่าแม้จิ้งจกทัก ยังต้องฟัง เพราะอาจจะมีอะไรที่คนเรามองข้ามหรือมีเสียงแห่งความโลภและไร้สติมาครอบงำบางครั้ง
แต่วันนี้ สังคมไทยลุกขึ้นมาทักท้วงด้วยเสียงอันดังและชัดเจน แสดงจุดยืนที่ไม่ยอมรับความชั่วร้ายของพฤติกรรมทางการเมืองของผู้มีอำนาจแล้ว หากยังดันทุรังเดินหน้าต่อไป ก็ต้องจารึกเอาไว้ว่านักการเมืองคนไหนที่ผลักดันกฎหมายอัปยศฉบับนี้ ณ พ.ศ. นี้
เหตุร้ายวันโจรปล้นบ้านตอนตี 4 มีหลักฐานครบถ้วน!
สุทธิชัย หยุ่น
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
|