คอร์รัปชั่น... VS ...จิตวิญญานของคนไทย
วันก่อนผมมีโอกาสสนทนากับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเรื่องคอร์รัปชั่นในบ้านเรา ท่านเล่าให้ฟังว่าเท่าที่ท่านพบเห็นมา คอร์รัปชั่นก็มีมาไม่ต่ำกว่า 50-60 ปี และหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เช่น ในสมัยก่อนการก่อสร้างถนนหนทางหรือสถานที่ราชการในต่างจังหวัดสักแห่ง ก็มีการโกงกินกันทุกระดับ ตั้งแต่หัวแถวถึงหางแถว ซึ่งยังไม่รวมถึงเบี้ยบ้ายรายทางในการอำนวยความสะดวกต่างๆ จนสุดท้ายแล้วงบประมาณพันล้านหมื่นล้าน ก็จะเหลือเนื้องานจริงๆ ไม่ถึงครึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รับเหมาต้องลดสเปกลง โดยเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจด้วย รวมทั้งกรณีผู้รับเหมาทิ้งงาน เพราะไม่มีปัญญาสร้างจนเสร็จ หรือถึงสร้างเสร็จก็จะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น และมีภาระเรื่องการซ่อมแซม เพราะการก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
ผมถามว่าแล้วจะมีทางแก้ไขอย่างไร? ท่านบอกคำเดียวว่า “ยาก” เพราะการคอร์รัปชั่นกลายเป็นเรื่องของความเคยชิน และธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว
ผู้ใหญ่ท่านนั้นเล่าให้ฟังต่อไปว่า เวลานี้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต. หรือ อบจ. ล้วนใช้เงินกันไม่แพ้การเลือกตั้งระดับชาติ เช่นเมื่อไม่นานมานี้มีการเลือกตั้ง อบต.ในท้องที่แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน คนที่เป็นตัวเก็ง แม้จะเป็นคนดี มีความรู้ ยังต้องใช้เงินซื้อเสียงหัวละ 3,000 บาท แต่ถึงกระนั้นก็ยังพ่ายแพ้แก่ผู้สมัครหน้าใหม่ ซึ่งเป็นภรรยานักการเมืองท้องถิ่น ที่ทุ่มจ่ายให้หัวละ 5,000 บาท และถ้าคนที่มีสิทธิเลือกตั้งเดินทางไปทำงานนอกภูมิลำเนา ก็ยังจะได้รับค่าเดินทางในการกลับมาลงคะแนน อีกคนละ 2,000 บาท ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็น่าสนใจว่าคนที่ลงทุนได้ขนาดนี้ เขาจะต้องมีความคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์สักเท่าไหร่ ?
นอกจากนี้ หลายหมู่บ้านก็มีระบบการควบคุมคะแนนเสียง โดยมอบหมายให้หัวคะแนนคนหนึ่งคุมคนจำนวน 10-15 คน ไม่ให้เกิดการแตกแถว โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนให้แก่ผู้ทำหน้าที่คุมเสียง
ผมถามว่า จะมีทางป้องกันไม่ให้มีการซื้อเสียง-ขายเสียงได้ไหม? ท่านก็บอกอีกคำว่า “ยากส์” เพราะการขายเสียงกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ความสนใจเรื่องคนดีคนเก่ง น้อยกว่าความสนใจว่าใครจะจ่ายเงินให้มากกว่ากัน
เมื่อจับเรื่องคอร์รัปชั่นและเรื่องการซื้อเสียง-ขายเสียง มารวมกัน เราก็คงจะมองเห็นภาพรวมของการเมืองในเมืองไทยได้อย่างชัดเจน เริ่มต้นด้วยการซื้อเสียง เพื่อให้ได้ที่นั่งในสภา และได้เป็นรัฐบาล จากนั้นก็หาทางคืนทุนและสร้างผลกำไรจากโครงการต่างๆ ดังนั้น ตราบใดที่ไม่สามารถขจัดการซื้อเสียง-ขายเสียงได้ ตราบนั้นก็ไม่มีทางที่จะกำจัดคอร์รัปชั่นได้สำเร็จ และเมื่อไม่สามารถกำจัดคอร์รัปชั่นได้ ประเทศไทยก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกฝูงกระสือสูบเลือดสูบเนื้อไปทุกวัน จนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้
ถ้าถามว่าแล้วจะแก้ไขทั้งสองเรื่องนี้อย่างไร? ผมคิดว่า ก็ต้องแก้ที่ความคิดของคนทั่วไป ให้เห็นว่าการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องเลวร้ายที่รับไม่ได้ และการขายเสียงเป็นผิดบาปที่กระทำต่อบ้านเมืองและลูกหลาน รวมทั้งการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกที่ควร เช่นที่คนไทยรุ่นก่อนๆ เคยยึดถือปฏิบัติมา
ถ้าถามต่อไปว่าการจะทำเช่นว่านี้ยากไหม? ผมก็คงต้องตอบเหมือนผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า “ยากส์ส์ส์” แต่ก็คงต้องถามคนไทยทุกคนว่า ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ? ถ้าเราไม่ลงมือทำตั้งแต่วินาทีนี้เมื่อไหร่จึงจะแก้ไขได้สำเร็จ?
พูดก็พูดเถะครับ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ง่ายดายหรอกครับ โดยเฉพาะการทำความดี แต่ถ้าเรานิ่งเฉยและปล่อยให้คนเลวๆ เข้ามาเป็นผู้แทน เป็นรัฐบาล แล้วโกงกินบ้านเมืองกันอย่างสนุกสนาน เราก็คงจะไม่ต่างอะไรจากคนเลวเหล่านั้นหรอกครับ
ประภัสสร เสวิกุล
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
|