ปัญหาการ "คอร์รัปชั่น" ในประเทศไทย
ในปัจจุบันการคอร์รัปชั่นเป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่งของมนุษย์ มันไม่เพียงทำลายทั้งชีวิตความเป็นอยู่และชุมชนของผู้คน แต่มันยังทำให้ประชาชนเกิดความเจ็บแค้น ซึ่งจะนำไปสู่สังคมที่ไม่มีเสถียรภาพและเต็มไปด้วยความขัดแย้งรุนแรง
จากการจัดทำดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น (Corruption Perception Index) ไม่มีประเทศใดในโลกที่ขาวสะอาดหมดจด และสองในสามของประเทศในโลกได้คะแนนความโปร่งใสน้อยกว่า 50 (จากคะแนนเต็ม 100) อันบ่งชี้ว่าการคอร์รัปชั่นกำลังเป็นปัญหาร้ายแรง
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
ประเทศไทยก็หนีปัญหาดังกล่าวไม่พ้น และดูเหมือนว่าสภาพปัญหาจะหนักหน่วงรุนแรงขึ้นทุกวัน โดยจากการสำรวจ Global Corruption Barometer 2013 พบว่า นักลงทุนจากต่างประเทศกังวลกับปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมากที่สุด ขณะที่คนไทยหนึ่งในหกคนยอมรับว่าเคยจ่ายสินบน
ขณะเดียวกันการคอร์รัปชั่นก็ส่งผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยมีการคาดการณ์ว่า การคอร์รัปชั่นสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศราว 1 แสนล้านบาทต่อปี และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศสูญเสียการลงทุนจากต่างประเทศราว 6,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2550-2555
สถานการณ์การคอร์รัปชั่นในประเทศไทย
การคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย แม้จะมีความพยายามลดความรุนแรงของปัญหา แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใดที่แก้ไขปัญหาได้จริง จากการจัดทำดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น (Corruption Perception Index) โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ (Transparency International) เมื่อปี 2555 ประเทศไทยได้คะแนนความโปร่งใสเพียง 37 จากคะแนนเต็ม 100 ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 88 จาก 174 ประเทศที่ทำการสำรวจ
นับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นในปี 2538 คะแนนความโปร่งใสของประเทศไทยแทบไม่ดีขึ้น โดยในปี 2538 ประเทศไทยได้คะแนนความโปร่งใสเพียง 2.79 จากคะแนนเต็ม 10 ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.33 ในปี 2539 และค่อนข้างคงที่ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียน คะแนนความโปร่งใสของไทยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และต่ำกว่ามาเลเซียเล็กน้อย ขณะที่สิงคโปร์ได้คะแนนความโปร่งใสสูงกว่าไทยมาโดยตลอด
ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ ประเทศที่สามารถก้าวขึ้นเป็นประเทศกำลังพัฒนาขั้นสูง (graduated developing economies) เช่น เกาหลีใต้และไต้หวัน ต่างก็มีพัฒนาการด้านความโปร่งใสอย่างเห็นได้ชัด โดยเกาหลีใต้ได้คะแนนความโปร่งใสเพิ่มขึ้นจาก 4.29 ในปี 2538 เป็น 5.6 ในปี 2555 ส่วนไต้หวันได้คะแนนความโปร่งใสเพิ่มขึ้นจาก 5.08 ในปี 2538 เป็น 6.1 ในปี 2555 คอร์รัปชั่นกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
รายงานดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ (Index of Economic Freedom) ซึ่งจัดทำโดย Heritage Foundation (2013) ระบุว่า หลักนิติรัฐ (rules of law) มีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยตัวชี้วัดหนึ่งที่สะท้อนหลักนิติรัฐคือ ตัวชี้วัดด้านเสรีภาพจากการคอร์รัปชั่น (freedom from corruption) ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น
ผลจากแบบจำลองพบว่า ตัวชี้วัดด้านเสรีภาพจากการคอร์รัปชั่นนี้มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัว (GDP per capita) รายงานฉบับดังกล่าวสรุปว่า ในกรณีของประเทศกำลังพัฒนา หลักนิติรัฐเป็นเสรีภาพทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในการวางรากฐานเพื่อสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจอยู่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยรวมทั้งโลกเล็กน้อย แต่ตัวชี้วัดด้านเสรีภาพจากการคอร์รัปชั่นกลับอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรวมทั้งโลกมาโดยตลอด การคอร์รัปชั่นจึงเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย
คอร์รัปชั่นกับการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ปัญหาการคอร์รัปชั่นส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศเช่นกัน โดย World Economic Forum ได้จัดทำ The Global Competitiveness Report 2013-2014 ซึ่งสำรวจความเห็นของนักธุรกิจทั่วโลกเกี่ยวกับปัญหาในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ จากการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับปัญหาในประเทศไทย พบว่าร้อยละ 20.2 ของนักธุรกิจมีความเห็นว่า การคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาสำคัญอันดับแรก รองลงมาคือความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลและความไม่ต่อเนื่องของนโยบายโดยตัวชี้วัดต่างๆ ที่เกี่ยวกับปัญหาการคอร์รัปชั่นของไทยนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลกแทบทั้งสิ้น
ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 37 จากทั้งหมด 148 ประเทศใน The Global Competitiveness Index 2013-2014 (ได้ 4.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 7 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากข้อมูลของปี 2011-2012 และ 2012-2013) โดยรายงานระบุว่าบริการสุขภาพและการศึกษา ซึ่งเป็นสองเสาหลักของความสามารถในการแข่งขัน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการแพร่เชื้อเอชไอวีสูงที่สุดภายนอกแอฟริกา ขณะที่จำนวนผู้ได้รับการศึกษาระดับสูงและคุณภาพของการศึกษาระดับสูงก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
กระดานความคิด :
ทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
|