หลักการ วิธีการ
และข้อห้าม ในการ
"อบไอน้ำสมุนไพร"
เพื่อสุขภาพและความงาม
"หลักการ วิธีการและข้อห้ามในการอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ที่ถูกต้องนั้น ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนภาชนะในการต้มยาสมุนไพรจาก "หม้อต้มดินเหนียว" มาเป็น "หม้อหุงข้าวไฟฟ้า" เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่การใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า จะต้องระวังรักษาปริมาณของน้ำที่ใส่ลงไปให้พอดี สำหรับผู้ที่ไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ก็อาจจะใช้หม้อเคลือบ หม้อสแตนเลส หรือหม้อแก้ว สำหรับต้มสมุนไพร ห้ามใช้ หม้ออลูมิเนียมต้มสมุนไพร เพราะยาสมุนไพรบางตัว จะกัดอลูมิเนียมออกมา แต่จะต้องเป็นหม้อที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาสมุนไพรระเหยไปหมดก่อนที่จะนำไปใช้
การต้มสมุนไพรเหล่านี้ต้องต้มจนน้ำสมุนไพรเดือดพล่าน (ระวังน้ำสมุนไพรล้นทะลักออกมานอกหม้อต้ม) จากนั้นยกหม้อต้มยาไปวางไว้ในกระโจมที่จะใช้อบร่างกาย เตรียมเก้าอี้เล็ก ๆ สำหรับนั่งกระโจม โดยวางหม้อต้มยาสมุนไพรไว้ตรงหน้าของผู้อบ เผยอฝาหม้อออกเพียงเล็กน้อย พร้อมกันนั้นให้ใส่การบูรที่บดละเอียดแล้วลงไปในหม้อต้มยาสมุนไพรที่กำลังเดือดจัด โดยค่อย ๆ โรยการบูรลงไปทีละนิด ๆ กลิ่นอายของการบูรจะแพร่กระจายออกไป ให้ผู้อบสมุนไพรสูดเอากลิ่นของการบูรเข้าปอดอย่างเต็มที่ คอยโรยการบูรลงไปในหม้อต้มยาสมุนไพร และสูดกลิ่นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ผู้อบจะได้กลิ่นหอมของการบูรและสมุนไพรต่าง ๆ อย่างเต็มที่ จากนั้นจะรู้สึกถึงความโล่งสบายในระะทางเดินหายใจของตนเอง และสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้อบ "ยาอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม"
"การอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ที่เหมาะสม ควรใช้เวลาในการอบเพีบง 10-15 นาที ไม่ควรมากกว่านั้น เพราะเมื่อร่างกายของคนเราได้รับไอความร้อนมากเกินไป จะทำให้เกิดความอ่อนเพลียขึ้นได้ซึ่งย่อมเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี
สุดท้ายเมื่ออบร่างกายครบตามกำหนดเวลาแล้ว ให้ผู้อบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม ออกจากกระโจมอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม มาสัมผัสกับอากาศภายนอก รอจนร่างกายแห้งดีแล้วจึงอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายตามปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้อบสมุนไพรไม่จำเป็นต้องเข้ากระโจมอบสมุนไพรทุกวัน แต่ควรอบไอน้ำสมุนไพรประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
"การอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยเราดั้งเดิมมีคุณค่าล้นเหลือจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ "ยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ก็ยังยืนยงคงอยู่ และดูเหมือนว่าจะนำมาใช้ประโยชน์กันมากขึ้น แม้แต่ในแวดวงธุรกิจสปา "การอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ก็ได้เข้าไปมีบทบาทที่สำคัญ ซึ่ง "การอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ในสปาจะช่วยผ่อนคลายความเครียด คลายความเมื่อยขบกล้ามเนื้อ เส้น และเอ็น ของผู้รับบริการได้อย่างดีทีเดียว
► วิธีการอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม
นำสมุนไพรมาล้างให้สะอาด หั่นและตำพอแหลกใส่ในหม้อหุงข้าวประมาณ 1 ใน 4 เติมน้ำไป 3 ใน 4 ของหม้อ นำไปต้มให้เดือดแล้วนำหม้อหุงข้าวใส่ในกระโจมโดยไม่ต้องถอดปลั๊กค่อยๆ แง้มฝาหม้อให้ไอน้ำออกมาสม่ำเสมอ ผู้อบควรใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นและใช้เวลาในการอบประมาณ 10-15 นาที เมื่อออกมาแล้วควรนั่งพักเพื่อให้เหงื่อแห้งก่อนไปอาบน้ำและควรดื่มน้ำที่สะอาดหลังการอบด้วย
หรือถ้าหากทำเป็นรูปห้อง "อบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม" ที่ได้มาตรฐาน มีรายละเอียดดังนี้คือ
- ขนาดของห้องควรมีขนาด 1.9x1.9x2.3 เมตร เพื่อไม่ให้คับแคบเกินไปสามารถให้บริการได้ครั้งละ 3-4 คน
- พื้นและฝาผนัง ควรเป็นพื้นปูนขัดหน้าเรียบ ช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาด หรืออาจจบด้วยกระเบื้องเคลือบ ช่วยให้สวยงามและทำความสะอาดได้ง่ายเช่นกัน
- ประตูห้องควรปิดมิดชิดแต่ไม่มีการล็อคกลอนจากด้านใน อาจเจาะเป็นช่องกระจกที่สามารถมองจากภายนอกเห็นภายในห้องได้
- จำนวนห้องควรมีอย่างน้อย 2 ห้อง เพื่อแยกให้บริการสำหรับเพศชายและหญิง
- เครื่องใช้สำหรับห้องอบ ได้แก่
- ม้านั่วยาว 1 ตัว
- เทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิภายในห้องอบอุณหภูมิ 42-45 องสาเซลเซียส ซึ่งสามารถตรวจสอบอุณหภูมิได้ที่ภายนอกห้อง
- นาฬิกาจับเวลา ซึ่งสามารถตั้งเวลาได้
- เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดความดันโลหิต ปรอทวัดไข้
- หม้อต้มน้ำไฟฟ้า ที่มีตะแกรงเติมและเปลี่ยนถ่ายสมุนไพรได้
► ข้อห้ามในการอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและ
ความงาม
- ห้ามอบขณะมีไข้สูง เพราะอาจมีการติดเชื้อโรคต่างๆ
- ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงไม่ควรอบ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ไม่ควรอบคือ โรคไต โรคปอด โรคลมบ้าหมู ตกเลือด ท้องเสียอย่างรุนแรง
- สตรีขณะมีประจำเดือน
- มีอาการอักเสบจากบาดแผลเปิดและปิด
- อ่อนเพลีย อดอาหาร อดนอน หลังรับประทานอาหารใหม่ ๆ
- ปวดศรีษะชนิดวิงเวียนศรีษะและคลื่นไส้
- ในขณะอบถ้ารู้สึกแน่นอึดอัดหายใจไมสะดวกควรหยุดทันที
- ไม่ควรอบนานเกินไป เพราะร่างกายจะเสียน้ำและเกลือแร่ออกทางเหงื่อมากเกินไป
♦เรียบเรียงบทความ
"หลัการ วิธีการและข้อห้าม ในการอบไอน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม"
โดยกองบรรณาธิการ
www.YesSpaThailand.com
|